ปักกิ่ง, 17 พ.ค. (ซินหัว) — ในเดือนมกราคม เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน ซึ่งมีประชากร 11 ล้านคน เผชิญสถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. คณะกรรมการสุขภาพเมืองอู่ฮั่นรายงานว่า พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รวม 41 รายเมื่อนับถึงวันที่ 12 ม.ค.
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 198 ราย และมีการยืนยันว่าโรคโควิด-19 สามารถแพร่จากคนสู่คน
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนแนะนำให้ประชาชนภายนอกงดการเดินทางเข้ามายังอู่ฮั่น และขอให้ชาวอู่ฮั่นงดการเดินทางออกนอกเมืองโดยไม่มีเหตุจำเป็น
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. เมืองอู่ฮั่นได้ปิดช่องทางการเดินทางขาออกตามสนามบินและสถานีรถไฟ กระทรวงคมนาคมจีนได้ออกประกาศฉุกเฉินสั่งการให้พื้นที่อื่นของประเทศระงับการขนส่งผู้โดยสารมายังเมืองอู่ฮั่นทั้งทางถนนและทางน้ำ
[เสียงประกาศที่สถานีรถไฟอู่ฮั่น]
ผู้โดยสารที่ต้องเปลี่ยนไปใช้การขนส่งสาธารณะประเภทอื่นโปรดขึ้นไปชั้นบน โปรดทราบว่าเมื่อออกไปข้างนอกแล้ว ผู้โดยสารจะไม่สามารถกลับเข้ามาในสถานีได้อีก ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. 2020 เป็นต้นไป รถประจำทาง รถไฟใต้ดิน เรือ และรถโดยสารทางไกลทั่วทั้งเมืองจะหยุดให้บริการ
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. จอห์น รอสส์ (JOHN ROSS) นักวิชาการอาวุโสมหาวิทยาลัยเหรินหมินกล่าวว่า “เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนและยังไม่มีวิธีรักษาโรคโควิด-19 ที่ได้ผล เราจึงต้องหยุดยั้งการแพร่เชื้อ เนื่องจากเป็นวิธีเดียวที่เราสามารถทำได้ ฉะนั้นถึงต้องมีการปิดเมืองโดยทันที เพราะยิ่งปิดเมืองเร็วเท่าไร เชื้อก็ยิ่งแพร่น้อยลงเท่านั้น จีนได้ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตเป็นอันดับแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว“
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า “กล่าวได้ว่า ชาวอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยเสียสละอย่างยิ่ง ซึ่งผมขอชื่นชมและขอบคุณที่พวกเขาให้ความร่วมมือ และเชื่อมั่นในสิ่งที่พวกเขาทำ การปิดเมืองเป็นการปกป้องชาวจีนและประชากรทั่วโลก การกระทำเพื่อมนุษยชาติเช่นนี้เป็นสิ่งที่เหนือคำบรรยาย“