หลานโจว, 10 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (10 ส.ค.) คณะกรรมการสุขภาพของมณฑลกานซู่และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขของไทย ร่วมกันจัดกิจกรรมบริจาคยาจีน “กานซู่ฟางจี้” จากกานซู่ถึงไทยทางออนไลน์ โดยคาดว่าจะถูกส่งถึงไทยในสัปดาห์นี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการยาของไทยในการต่อสู้กับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ยาจีนกานซู่ฟางจี้ที่ไทยจะได้รับบริจาคครั้งนี้ผลิตโดยโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกานซู่ ในนามของคณะกรรมการสุขภาพของมณฑลกานซู่ ประกอบด้วยยาป้องกันโรค 1,000 ชุด (6,000 กล่อง) และยารักษาผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย 500 ชุด (3,000 กล่อง) โดยยาหนึ่งชุดสามารถรับประทานได้หนึ่งวัน
หยางหล่งจวิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำคณะกรรมการสุขภาพมณฑลกานซู่ ระบุว่ายาดังกล่าวได้รับการพัฒนาสูตรโดยคณะแพทย์แผนจีนของกานซู่ โดยใช้สมุนไพรจีน เช่น หวงฉี (อึ่งคี้) ตังเซียม ต้าหวง (โกฐน้ำเต้า) ในกานซู่ และมีการผสานแผนการรักษาแบบแผนจีนกับแผนตะวันตก
นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 สูตรยาดังกล่าวของกานซู่ได้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 ในมณฑล ทั้งยังมีส่วนสนับสนุนการต้านโรคระบาดในอู่ฮั่น และช่วยลดอาการป่วยขั้นรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จางจื้อหมิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลข้างต้นระบุว่า ยาที่ผลิตด้วยสูตรดังกล่าวเคยถูกส่งไปยังเบลารุสแล้วและ “เรายินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ต้านโรคระบาดแก่ไทยต่อไป เพื่อร่วมกันรับมือความท้าทายจากการระบาดของโรคโควิด-19”
อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การบริจาคยาดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการต้านโรคโควิด-19 ปัจจุบันของไทย ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นจากจีน
ก่อนหน้านี้ จีนและไทยได้ดำเนินการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการแพทย์แผนโบราณหลายครั้ง โดยกานซู่ได้ส่งเจ้าหน้าที่แพทย์จำนวนมากเพื่อเดินทางไปให้ความรู้และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับทฤษฎีการแพทย์แผนจีน การปฏิบัติการทางคลินิก การฝังเข็ม และการรมยา
ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ คณะกรรมการสุขภาพของกานซู่และกระทรวงสาธารณสุขของไทยได้จัดพิธีลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนายาแผนโบราณ” ทางออนไลน์ อันเป็นการสร้างความร่วมมือระยะยาวที่มั่นคง
การบริจาคยาครั้งนี้ ช่วยสานต่อมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างประชาชนจีนและไทย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านยาแผนโบราณ และทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าภายใต้แผนริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” จีนไม่หยุดยั้งที่จะแบ่งปันประสบการณ์ต้านโรคระบาดแก่ประชาคมระหว่างประเทศ ทั้งยังลงมือปฏิบัติจริงเพื่อสร้างคุณูปการต่อการสร้างประชาคมสุขภาพระดับโลก
