กาฐมาณฑุ, 26 พ.ค. (ซินหัว) — คัดห์กา ปราสาด ชาร์มา โอลิ (Khadga Prasad Sharma Oli) นายกรัฐมนตรีเนปาลกล่าวเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.) ว่าเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในเนปาลกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทางรัฐจึงวางแผนที่จะเพิ่มการทดสอบโรคโควิด-19 ให้มากขึ้นเพื่อระบุผู้ติดเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ

นายกรัฐมนตรีเนปาลกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ต่อประชาชนเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (25 พ.ค.) ว่ารัฐบาลเนปาลวางแผนที่จะทำการทดสอบโรคจำนวนร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมดในประเทศ

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของสำนักสถิติกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของรัฐบาลเนปาล ระบุว่าเนปาลมีประชากรประมาณ 29.96 ล้านคน

กระทรวงสาธารณสุขและประชากรของเนปาลเผยว่า เนปาลวางแผนที่จะทำการทดสอบกับประชาชนเกือบ 600,000 คน ซึ่งเทียบเท่ากับร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมดตามสถิติล่าสุด เมื่อนับถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.) เนปาลได้ทำการทดสอบประชาชน 51,642 คนด้วยเทคโนโลยีปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (PCR) ในขณะที่ 95,192 คนได้รับการทดสอบด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว

รัฐบาลเนปาลให้ข้อมูลว่าจนถึงขณะนี้มีประชาชน 682 รายมีผลทดสอบเป็นบวก ในขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัส 4 ราย

นายกรัฐมนตรีเนปาลยังกล่าวว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในเนปาลเกิดจากความล้มเหลวในการทดสอบโรคในหมู่แรงงานอพยพชาวเนปาลที่เดินทางกลับบ้าน โดยเฉพาะคนที่เดินทางมาจากอินเดียซึ่งเปิดพรมแดนร่วมกันกับเนปาล เขากล่าวว่า “ไวรัสแพร่กระจายในชุมชนอย่างรวดเร็วเนื่องจากความล้มเหลวในการดำเนินการทดสอบ”

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ออกโรงปกป้องความพยายามของรัฐบาลเนปาลในการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยกล่าวว่านับจนถึงวันที่ 11 เม.ย. เนปาลมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพียงไม่ถึง 10 ราย

“มาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการในเวลาที่เหมาะสม เช่น การปิดพรมแดนระหว่างประเทศเพื่อยับยั้งการเดินทางของผู้คนและการบิน ช่วยควบคุมให้จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 อยู่ในเกณฑ์ต่ำ”

ทั้งนี้ เนปาลอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. และจะมีผลต่อเนื่องจนถึงวันที่ 2 มิ.ย.

(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้หญิงคนหนึ่งรับการทดสอบโรคโควิด-19 ด้วยเทคนิคปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส (PCR) ที่ตลาดผักในกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2020)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.