(แฟ้มภาพซินหัว : เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโรคโควิด-19 จากตำรวจในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย วันที่ 2 ส.ค. 2020)

นิวเดลี, 3 ส.ค. (ซินหัว) — วันจันทร์ (3 ส.ค.) กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียเปิดเผยว่าอินเดียมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทะลุ 1.8 ล้านรายแล้ว หลังจากตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 52,972 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยในประเทศรวมอยู่ที่ 1,803,695 ราย ขณะเดียวกันอินเดียตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 771 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ทำให้มียอดผู้ป่วยเสียชีวิตในประเทศสะสมอยู่ที่ 38,135 ราย

กระทรวงฯ ระบุว่าอินเดียมีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาและปล่อยตัวจากโรงพยาบาล 1,186,203 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 579,357 ราย โดยปัจจุบันอินเดียให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณการทดสอบตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโรคโควิด-19 โดยมีการทดสอบตัวอย่างแล้ว 20,202,858 รายการ เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (2 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันที่มีการทดสอบตัวอย่างสูงถึง 381,027 รายการ

วันจันทร์ (3 ส.ค.) นับเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่อินเดียตรวจพบผู้ป่วยใหม่มากกว่า 50,000 ราย ซึ่งรวมถึงอามิต ชาร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอินเดีย บันวารีลาล ปุโรหิต ผู้ว่าการรัฐทมิฬนาฑู บี.เอส. เยดิยูรัปปา มุขมนตรีรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ และสวาตันตรา ดีฟ ซิงห์ ประธานพรรคภารติยะ ชนตะ สาขารัฐอุตตรประเทศ

ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ (2 ส.ค.) มีรัฐมนตรีหญิงรายหนึ่งจากรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดียเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยเธอเป็นรัฐมนตรีคนแรกและสมาชิกสภานิติบัญญัติคนที่ 4 จากทั่วทุกรัฐของอินเดียที่เสียชีวิตจากโรคระบาดดังกล่าว

ทั้งนี้ แม้อินเดียตรวจพบผู้ป่วยใหม่มากกว่า 50,000 ราย ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ในรัฐเดลี ซึ่งเคยเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 รุนแรงอันดับ 2 รองจากรัฐมหาราษฏระ ได้ดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยล่าสุดอยู่อันดับ 8 ในด้านจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.