ปักกิ่ง, 21 ก.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (20 ก.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนแสดงมุมมองเกี่ยวกับบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในยุคหลังโควิด-19 ประเด็นการต่อต้านระบบเอกภาคี การกลั่นแกล้ง หรือประเทศใดๆ ก็ตามที่วางตนเสมือน ‘นายใหญ่ของโลก’
สีจิ้นผิงแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมระดับสูงเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งสหประชาชาติ โดยเน้นว่าสหประชาชาติต้องยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม สีกล่าวว่าไม่มีประเทศใดที่มีสิทธิครอบงำกิจการของโลก ควบคุมชะตากรรมของผู้อื่น หรือกอบโกยผลประโยชน์จากการพัฒนาทั้งหมดเข้าหาตนเอง
“ไม่ควรมีใครที่ได้สิทธิ์ทำตามใจชอบ วางตนเป็นเจ้าโลก ผู้กลั่นแกล้ง หรือนายใหญ่ของโลก” สีจิ้นผิงกล่าว
สีจิ้นผิงชี้ว่าบรรดาประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องมีผู้แทนและมีสิทธิในการแสดงความเห็นมากขึ้น เพื่อให้สหประชาชาติสะท้อนถึงผลประโยชน์และความปรารถนาของประเทศส่วนใหญ่ในโลกได้สมดุลยิ่งขึ้น
สีจิ้นผิงย้ำว่าสหประชาชาติต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรม โดยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการประสานประโยชน์ของประเทศต่างๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์และระบบระเบียบเท่านั้น
“ประเทศเหล่านี้จะต้องไม่ถูกบงการโดยผู้ที่มีอำนาจมากกว่า” สีจิ้นผิงกล่าว
ประเทศมหาอำนาจ ควรเป็นตัวอย่างในการสนับสนุนและการรักษาหลักนิติธรรมสากล รวมถึงการปฏิบัติตามพันธะสัญญาของตน สีจิ้นผิงเสริม
“จะต้องไม่มีการปฏิบัติเป็นพิเศษหรือสองมาตรฐาน อีกทั้งไม่ควรมีการบิดเบือนและใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นข้ออ้างในการบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่น หรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของโลก” สีจิ้นผิงกล่าว
ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า สหประชาชาติต้องส่งเสริมความร่วมมือกัน โดยชี้ว่า “แนวคิดยุคสงครามเย็น การแบ่งแยกด้วยอุดมการณ์ หรือเกมที่ต้องมีผู้แพ้-ชนะ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาภายในของประเทศใด ทั้งยังไม่ใช่ทางออกสำหรับความท้าทายที่มนุษยชาติต่างมีร่วมกัน”
“สิ่งที่เราต้องทำคือการแทนที่ความขัดแย้งด้วยการสนทนา แทนที่การบีบบังคับด้วยการปรึกษาหารือ และแทนที่เกมที่ต้องมีผู้แพ้-ชนะ ด้วยทุกฝ่ายล้วนได้ผลประโยชน์”
ประธานาธิบดีจีนกล่าวเสริมว่าสหประชาชาติต้องมุ่งเน้นการปฏิบัติจริง “เพื่อนำหลักการพหุภาคีไปสู่การปฏิบัติ เราต้องลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูดคุย เราต้องรักษา ไม่ใช่แค่จ่ายยา” สีจิ้นผิงกล่าว
สหประชาชาติควรมุ่งเป้าที่การแก้ปัญหาและการบรรลุผลลัพธ์ที่จับต้องได้ พร้อมผลักดันความมั่นคง การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนไปด้วยกัน
สีจิ้นผิงเน้นว่าควรให้ความสำคัญอันดับต้นๆ กับการจัดการความท้าทายด้านความปลอดภัยรูปแบบใหม่ เช่น การสาธารณสุข
ในที่ประชุม สีจิ้นผิงได้ชื่นชมการเดินทางแสนพิเศษของสหประชาชาติในการปฏิบัติหน้าที่ครบรอบ 75 ปี
โดย 75 ปีที่ผ่านมานั้น เขาได้เห็นความก้าวหน้าอย่างยิ่งในสังคมมนุษย์ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ระบบพหุภาคีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
จีนสนับสนุนสหประชาชาติให้มีบทบาทเป็นแกนกลางของกิจการระหว่างประเทศอย่างหนักแน่น จีนยึดมั่นในระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง และการจัดระเบียบระหว่างประเทศ ที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ สีจิ้นผิงกล่าว
“เราขอยืนยันพันธกิจในการส่งเสริมระบบพหุภาคีต่อไป รวมถึงการทำงานเพื่อส่งเสริมประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ” สีจิ้นผิงกล่าวทิ้งท้าย