
แคนเบอร์รา, 27 ต.ค. (ซินหัว) — สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียแสดงความยินดีหลังรัฐวิกตอเรียผ่อนปรนข้อจำกัดเข้มงวดที่ใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
วิกตอเรียซึ่งเป็นรัฐที่เผชิญการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 รุนแรงที่สุดในประเทศ ไม่พบผู้ป่วยใหม่ในวันอังคาร (27 ต.ค.) นับเป็นครั้งแรกที่รัฐไม่พบผู้ป่วยใหม่ติดต่อกันนาน 2 วันนับตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยเมื่อวันจันทร์ (26 ต.ค.) รัฐวิกตอเรียไม่พบผู้ป่วยใหม่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.
เมื่อวันจันทร์ (26 ต.ค.) แดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียประกาศว่าตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันอังคาร (27 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นของออสเตรเลีย นครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐจะปรับมาตรการ “อยู่แต่ในบ้าน” มาเป็น “อยู่อย่างปลอดภัย” โดยจะยกเลิกข้อจำกัดที่ควบคุมให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านยกเว้นมีเหตุจำเป็น นอกจากนี้ร้านอาหารและผับของเมลเบิร์นยังสามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง
ประกาศนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการดำเนินมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ซึ่งกินเวลาราว 3 เดือน หลังเกิดการระบาดใหญ่ระลอกที่ 2 ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในเดือนกรกฎาคม ทำให้ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิต 905 ราย และร้อยละ 90 เป็นผู้ที่อยู่ในรัฐวิกตอเรีย
มอร์ริสันเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกับจอช ไฟรเดนเบิร์ก เหรัญญิกรัฐบาลออสเตรเลีย และ เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย ซึ่งระบุว่า “กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ชาววิกตอเรียต้องทำงานอย่างหนักและเสียสละหลายสิ่ง”
“ประกาศในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและการอุทิศตนของประชาชนในวิกตอเรีย เพื่อก้าวสู่ขั้นต่อไปของการเปิดเศรษฐกิจและสังคมของรัฐอีกครั้ง”
“หลังเผชิญฤดูหนาวที่ยาวนาน ประชาชนในวิกตอเรียพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว” แถลงการณ์ระบุพร้อมชี้ว่าประชาชนได้ช่วยทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง หลังรัฐเกิดการแพร่ระบาดระลอกที่ 2
อนึ่ง ก่อนหน้านี้รัฐบาลกลางของออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐวิกตอเรียผ่อนปรนข้อจำกัดก่อนกำหนดหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากไปกว่านี้