ซิดนีย์, 13 พ.ย. (ซินหัว) — เพื่อแก้ปัญหาจำนวนวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่มีจำกัด บรรดานักวิจัยชาวออสเตรเลียจึงได้เสนอกลยุทธ์การให้วัคซีนแก่ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ (super spreader) หรือผู้แพร่เชื้อเป็นวงกว้างก่อนเป็นกลุ่มแรก ทันทีที่วัคซีนโรคโควิด-19 สามารถใช้งานได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
รายงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (13 พ.ย.) ได้วิเคราะห์การเดินทางของผู้คนและจัดกลุ่มพวกเขาออกเป็น 6 กลุ่ม แบ่งตามประเภทสถานที่ที่พวกเขาไปเยือน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าวิธีนี้จะสามารถปกป้องผู้คนจากการติดเชื้อได้ในจำนวนมากที่สุด
“งานวิจัยของเราชี้ว่าการทำเช่นนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยไม่ต้องหาตัวว่าใครบ้างที่มีประวัติสัมผัสกับซูเปอร์สเปรดเดอร์ … แต่จะมุ่งพิจารณาว่าใครบ้างที่ควรได้รับวัคซีนจากสถานที่ที่พวกเขาเดินทางไป” ศาสตราจารย์เบอร์นาร์ด แมนส์ จากมหาวิทยาลัยแมคควอรีกล่าว
ตัวอย่างเช่น กลุ่มที่ 1 คือผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน อาจเดินทางไปร้านค้าในท้องที่และติดต่อกับผู้คนบ้าง แต่น้อยกว่า 5 คน ขณะที่กลุ่มที่ 2 คือผู้ที่เดินทางไปร้านกาแฟหรือป้ายรถเมล์ด้วย และอาจมีประวัติการติดต่อสัมผัสทางอ้อมกับผู้คนมากสุด 15 คน
กลุ่มที่ 3 เป็นผู้ที่ไปทำงานที่สำนักงาน ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือไปสวนสาธารณะหรือสระว่ายน้ำ และมีประวัติการสัมผัสติดต่อกับผู้คนมากสุด 25 คน
ส่วนกลุ่มที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หมายถึงผู้ที่เดินทางไปเยือนพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น มหาวิทยาลัย สนามบิน และสนามกีฬา และมีโอกาสสัมผัสติดต่อทางอ้อมกับผู้คนมากกว่า 100 คน ซึ่งการศึกษาชี้ให้เห็นว่าผู้คนในกลุ่มนี้มีโอกาสสูงสุดที่จะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ จึงควรมีการกำหนดให้คนกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด
กลยุทธ์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาร่วมโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคควอรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ และองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ เดิมทีการวิจัยนี้มุ่งสร้างแบบจำลองเพื่อพยากรณ์การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่หรือโรคอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดการแพร่เชื้อทางอ้อม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 นักวิจัยจึงได้ขยายกลยุทธ์นี้มาใช้รับมือภาวะระบาดใหญ่นี้กับผู้คนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว