(แฟ้มภาพซินหัว : โลโกแอปพลิเคชันติ๊กต็อกบนหน้าจอสมาร์ตโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์ ณ เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ วันที่ 3 ส.ค. 2020)

วอชิงตัน, 7 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งผู้บริหารห้ามไม่ให้บุคคลหรือหน่วยงานใดในสหรัฐฯ ทำธุรกรรมกับ ‘ไบต์แดนซ์’ (ByteDance) บริษัทเทคโนโลยีของจีน ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันแชร์วิดีโอยอดนิยมอย่าง ‘ติ๊กต็อก’ (TikTok) โดยมีผลบังคับใช้ภายใน 45 วันหลังออกคำสั่ง นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ

แอปที่ได้รับการดาวน์โหลดมากกว่า 175 ล้านครั้งในสหรัฐฯ และมากกว่าหนึ่งพันล้านครั้งทั่วโลกนี้ ถูกกล่าวหาในคำสั่งของผู้บริหารว่า ตัวแอปได้ทำการเก็บรวบรวม “ข้อมูลมหาศาล” จากอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ “ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ”

นอกจากนี้ ยังมีการออกคำสั่งผู้บริหารที่คล้ายคลึงกันสำหรับ ‘วีแชท’ (WeChat) ซึ่งเป็นแอปส่งข้อความและโซเชียลมีเดียของ ‘เทนเซนต์’ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนด้วย

ในการบรรยายสรุปของทำเนียบขาวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขายินยอมให้ ‘ไมโครซอฟต์’ (Microsoft) หรือบริษัทอื่นใดในสหรัฐฯ ซื้อกิจการของติ๊กต็อก โดยกำหนดเส้นตายคือวันที่ 15 ก.ย.

ระหว่างการบรรยายสรุปข่าว วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหานี้เมื่อวันอังคารว่า (4 ก.ค.) จีนต่อต้านการกลั่นแกล้งอย่างโจ่งแจ้งของสหรัฐฯ ต่อวิสาหกิจต่างประเทศบางราย ด้วยการละเมิดกฎเศรษฐกิจตลาดและหลักการขององค์การการค้าโลกว่าด้วยการเปิดกว้าง ความโปร่งใสและการไม่เลือกปฏิบัติ

“ถือเป็นการกลั่นแกล้งอย่างโจ่งแจ้งที่เรายืนกรานคัดค้าน ซึ่งจีนสังเกตเห็นว่าในสหรัฐฯ เองและประชาคมระหว่างประเทศก็มีคำครหาและการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้เช่นกัน” วังกล่าวเสริม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.