ปักกิ่ง, 8 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ก.ค.) เกิ๋งส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดกีดกันและขัดขวางการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในระดับบุคคล ระหว่างจีนและสหรัฐฯ

เกิ๋งส่วง ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวระหว่างพูดถึงรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีนักวิจัยโรคมะเร็งชาวจีน-สหรัฐฯ คนหนึ่งต้องลาออกจากตำแหน่งสูงของเธอในศูนย์วิจัยโรคมะเร็งเอ็มดี แอนเดอร์สัน (MD Anderson Cancer Center) หลังถูกสอบสวนเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่น่าไว้วางใจของเธอกับทางการประเทศจีนเป็นเวลานาน 1 เดือน

“เราหวังว่าสหรัฐฯ จะปฏิบัติต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศจีนและความสัมพันธ์ระหว่างชาติอย่างเหมาะสม” เกิ๋งกล่าว พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ร่วมมือกับจีนในการรักษาและยกระดับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างบุคคลของทั้งสองประเทศ

เกิ๋งกล่าวว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนและสถาบันบางกลุ่มในสหรัฐฯ ได้กล่าวหานักเรียน นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ชาวจีน หรือผู้ที่มีเชื้อสายจีนในสหรัฐฯ จำนวนมากว่า “กระทำการจารกรรม” ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่มีมูลและคุกคามพวกเขา จนเกิดคดีที่ผิดพลาดและไม่เป็นความจริงหลายคดี ซึ่งล้วนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างบุคคลและความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างสองประเทศ

นอกจากทางจีนแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับมันสมองและผู้คนจำนวนไม่น้อยในสหรัฐฯ เอง ก็ได้ตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ไม่ถูกต้องนี้เช่นกัน

เกิ๋งกล่าวทิ้งท้ายว่า การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระดับบุคคลระหว่างจีน-สหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างมากในการยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างสองชาติ ทั้งยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มั่นคง ดังนั้นการที่สหรัฐฯ พยายามกีดกันการพัฒนาของจีนด้วยการจำกัดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระดับบุคคล จึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.