ปักกิ่ง, 25 เม.ย. (ซินหัว) — ยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ (UAV) ถูกนำไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ อาทิ การขนส่ง การคมนาคม การรับมือเหตุฉุกเฉินในประเทศจีน ซึ่งหลายเป็นแรงผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ (low-altitude economy)
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนยกระดับการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจการบินระดับต่ำของประเทศ อันเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตรูปแบบใหม่
คริสติน่า จาง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์องค์กรของดีเจไอ (DJI) ผู้ผลิตโดรนชั้นนำสัญชาติจีนกล่าวว่า ในปี 2012 บริษัทฯ ได้เปิดตัวดีเจไอ แฟนทอม 1 (DJI Phantom 1) โดรนสำหรับผู้บริโภครุ่นแรก ต่อมาในปี 2016 ดีเจไอได้เปิดตัว ดีเจไอ มาวิค โปร (DJI Mavic Pro) โดรนรุ่นใหม่ที่สามารถพับลงจนมีขนาดเล็กเทียบเท่ากับขวดน้ำแร่หนึ่งขวดได้ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานอันทรงพลังที่เหมาะสมสถานการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น
ปี 2018 ออเทล โรโบติกส์ (Autel Robotics) ผู้ผลิตโดรนจากนครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ได้เปิดตัวอีโว (EVO) ชุดโดรนที่สามารถพับและพกพาได้ ต่อมาในปี 2023 ได้มีการเปิดตัวอีโว แมกซ์ (EVO Max) ซึ่งมีเซ็นเซอร์ขั้นสูง สามารถสร้างเส้นทางสำหรับการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ถึง 720° องศา
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 เครื่องบินประเภทปีกหมุน (rotor-wing aircraft) ขนาด 5 ที่นั่งได้บินขึ้นในแนวดิ่งจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากท่าจอดเรือแห่งหนึ่งในเซินเจิ้น นับเป็นการสาตบินยานพาหนะไฟฟ้าแบบขึ้นบินและลงจอดแนวดิ่ง (eVTOL) ต่อสาธารณะ บนเส้นทางบินข้ามทะเลและระหว่างเมืองเปฺ็นครั้งแรกของโลก
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ถูกนำมาใช้งานในภาคส่วนต่างๆ ของจีน ทั้งการขนส่ง คมนาคม รับมือเหตุฉุกเฉิน สำรวจเพื่อปกป้องพันธุ์พืช รวมถึงการจัดส่งอาหาร
ในปี 2023 ภาคส่วนโดรนพลเรือนในจีนมีมูลค่าทะลุ 1.2 แสนล้านหยวน (ราว 6.1 แสนล้านบาท) ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของโลก และตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะสูงถึง 2 แสนล้านหยวน (ราว 1.01 ล้านล้านบาท) ในปี 2025
ขณะที่โดรนถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลายอุตสาหกรรมในจีนมากขึ้น เศรษฐกิจการบินระดับต่ำซึ่งครอบคลุมหลายภาคส่วนอาทิ การวิจัย การพัฒนาและการผลิตเครื่องบิน การสร้างและปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานการบินระดับต่ำ รวมถึงบริการด้านการบิน ก็กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) คาดการณ์ว่า ขนาเศรษฐกิจการบินระดับต่ำของจีน ณ สิ้นปี 2023 จะทะลุ 5 แสนล้านหยวน (ราว 2.54 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านหยวน (ราว 10.18 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030
(เรียบเรียงโดย Su Dan, Xinhua Silk Road, https://en.imsilkroad.com/p/339402.html)
