วอชิงตัน, 25 ม.ค. (ซินหัว) — “วิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯ ปักหมุหมายอันน่าเศร้าสลดอันใหม่ หลังยอดผู้ป่วยยืนยันทั่วประเทศทะลุ 25 ล้านราย คิดเป็นราว 1 ใน 4 ของยอดผู้ป่วยสะสมทั่วโลก” ถานอี้เซียว ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหัวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ รายงาน
“สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดติดต่อกันหลายเดือน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่ประชากรสหรัฐฯ ครองสัดส่วนเพียงร้อยละ 4 ของประชากรโลก และมักอวดอ้างว่ามีระบบการดูแลทางการแพทย์ทรงประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด”
“วันนี้ดิฉันขอชวนทุกท่านร่วมรับฟังความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักไวรัสวิทยาจากหลายมุมโลกที่เราได้พูดคุยก่อนหน้านี้กันค่ะ” ถานกล่าว
“เพราะทางการสหรัฐฯ ตอบสนองต่อวิกฤตครั้งนี้ช้ามาก” ความคิดเห็นจากอีแจซ อาหมัด ข่าน กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากโรงพยาบาล ชิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล (Shifa International Hospital) ในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน
เธอรีส เฮสเคธ ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพโลกจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) ชี้ว่า “ปัญหาหลักของสหรัฐฯ คือตอนนั้นรัฐบาลเอาแต่ต่อสู้ศึกเลือกตั้ง บวกกับตัวประธานาธิบดีที่ไม่ยี่หระจะดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งที่มีสารพัดวิธีแก้ไขปัญหาอยู่ในมือถึง 50 วิธี”
“ทั้งหมดเป็นเพราะการขาดแคลนการจัดระบบระเบียบระหว่างรัฐท้องถิ่นผสมโรงกับการไม่มีข้อตกลงอันชัดเจนว่าจะควบคุมโรคระบาดอย่างไร” เฮสเคธกล่าวเสริม
อาหมัด อัล-ซาอีด ประธานสถาบันวิสดอมเฮาส์เพื่ออุตสาหกรรมวัฒนธรรมในกรุงไคโรของอียิปต์ระบุว่า “ทรัมป์และฝ่ายบริหารดูถูกไวรัสเกินไป มองเป็นประเด็นการเมืองและพยายามใช้มันสร้างปัญหาทางการเมืองและการค้ากับจีน ทำให้ชาวอเมริกันออมแรงต่อสู้เชื้อไวรัสจนเกิดหายนะครั้งใหญ่”
สตีเฟน เอ็นเดกวา อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยยูไนเต็ด สเตทส์ อินเตอร์เนชันแนล (USIU) ในเคนยากล่าวว่า “ปัญหาการจัดการโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ เกิดจากการผสมรวมความท้าทายทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ”
“ผมคิดว่าปัญหาของสหรัฐฯ เป็นปัญหาภายใน เกิดสารพันปัญหาความท้าทายและความไม่เสมอภาคในทุกภาคส่วน สะท้อนว่าระบบล้มเหลวจะดูแลประชาชน” เอ็นเดกวากล่าว
