(แฟ้มภาพซินหัว : ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในกรุงเวียนนาของออสเตรีย วันที่ 1 มิ.ย. 2022)

เจนีวา, 20 ต.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังคงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนระดับสูงสุดขององค์การฯ แม้จำนวนผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์จะลดแตะเกือบระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่

คณะกรรมการภาวะฉุกเฉินด้านกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศขององค์การฯ เปิดเผยหลังการประชุมประเมินรายไตรมาสเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าแม้จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 อาการรุนแรงและจำนวนผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์จะลดลง แต่ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจอื่นๆ

คณะกรรมการฯ เตือนถึงภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 และกลุ่มอาการหลังหายป่วย ซึ่งผลกระทบทั้งหมดจากภาวะเหล่านี้ยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ พร้อมคาดว่าการระบาดอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือที่ใกล้จะมาถึง

คณะกรรมการฯ ยังเตือนว่าช่องว่างในการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้ไม่สามารถระบุและประเมินการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสฯ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะมีการคาดว่าเชื้อไวรัสฯ จะกลายพันธุ์ต่อไป ทว่ายังไม่สามารถคาดการณ์ลักษณะทางพันธุกรรมและแอนติเจนของสายพันธุ์ต่างๆ ในอนาคต โดยสายพันธุ์ที่อุบัติขึ้นอาจสร้างความท้าทายให้กับวัคซีนและวิธีการรักษาในปัจจุบัน

“ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการฯ เห็นพ้องว่าการเดินหน้าประสานงานด้านการรับมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น และเนื่องจากสถานการณ์ยังคงไม่หยุดนิ่งและจำเป็นต้องมีการประเมินซ้ำๆ บ่อยครั้ง ดังนั้นการประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ควรเป็นไปอย่างปลอดภัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

คณะกรรมการฯ แนะนำการดำเนินงานที่สำคัญที่สุด 3 ประการในอนาคต อันได้แก่ เสริมสร้างการเฝ้าระวังและบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มเสี่ยง เดินหน้าเพิ่มการเข้าถึงการรักษาราคาจับต้องได้ และยกระดับแผนการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดใหญ่ควบคู่กับปกป้องประชากรกลุ่มเสี่ยงที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.