เบอร์ลิน, 20 ต.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (19 ต.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่าสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนโดยเฉลี่ยจากปริมาณการใช้พลังงานสุทธิของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมด 27 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13.9 อยู่ที่ร้อยละ 19.7 ในช่วงระหว่างปี 2009-2019
สำนักงานฯ ระบุว่าประเทศยุโรปตอนเหนือถือเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงาน โดยในปี 2019 สวีเดนมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในปริมาณการใช้พลังงานสุทธิของประเทศ ที่ร้อยละ 56.4 ถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดในสหภาพยุโรป
ขณะที่ฟินแลนด์มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูงแตะที่ร้อยละ 43.1 ส่วนลัตเวียและเดนมาร์กมีสัดส่วนนี้ที่ร้อยละ 41 และร้อยละ 37.2 ตามลำดับ ด้านสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนี เพิ่มจากร้อยละ 10.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 17.4 ทว่าประเทศอื่นในสหภาพยุโรป อาทิ ลักเซมเบิร์ก มัลตา และเนเธอร์แลนด์ ยังคงมีสัดส่วนนี้ค่อนข้างต่ำ
อนึ่ง สหภาพยุโรปตั้งเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปีลงร้อยละ 55 ภายในปี 2030 เทียบกับระดับในปี 1990
หลังศาลรัฐธรรมนูญสหพันธ์เยอรมนีมีคำตัดสินเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ยื่นกฎหมายฉบับแก้ไขว่าด้วยการปกป้องสภาพภูมิอากาศ ปี 2021 เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งบรรลุปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2045