(แฟ้มภาพซินหัว : เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวในทุ่งนาที่หมู่บ้านซีซาลาดา จังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย วันที่ 20 ก.ค. 2023)

จาการ์ตา, 18 ต.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (16 ต.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย เผยว่าอินโดนีเซียอาจเผชิญกับการขาดแคลนข้าวในช่วงสิ้นปี 2023 ซึ่งคาดว่าจะย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากภัยแล้งวงกว้างที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

อมาเลีย อาดินิงการ์ วิดยาซานตี รักษาการหัวหน้าสำนักงานฯ แถลงว่าอินโดนีเซียอาจขาดแคลนข้าวถึง 1.45 ล้านตัน โดยคาดว่าการผลิตข้าวในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม) อาจอยู่ที่ราว 4.78 ล้านตัน หรือต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบร้อยละ 11

วิดยาซานตีกล่าวว่าภัยแล้งอันยืดเยื้อที่เป็นผลพวงจากผลกระทบของเอลนีโญ ทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวลดลง โดยเฉพาะในจังหวัดชวาตะวันตก จังหวัดชวากลาง และจังหวัดสุมาตราใต้ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวขนาดใหญ่ที่สุด 3 แห่งของประเทศ

เมื่อวันจันทร์ (16 ต.ค.) โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าปี 2023 กลายเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับอินโดนีเซีย เพราะเผชิญกับทั้งผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่ก่อให้เกิดภัยแล้งยาวนาน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผลิตอาหารของโลก

“เอลนีโญ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ภัยแล้งยาวนานที่ส่งผลให้การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวล้มเหลว รวมถึงสภาพการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน ล้วนส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร รัฐบาลจึงกำลังเดินหน้าผลักดันความพยายามเพื่อรับรองว่าเรามีการสำรองข้าวที่เพียงพอ” วิโดโดระบุ

หนึ่งในความพยายามดังกล่าวคือการนำเข้าข้าวจากประเทศหุ้นส่วนรวม 2 ล้านตัน โดยคาดว่าข้าวที่นำเข้าราว 600,000 ตัน จะถึงอินโดนีเซียช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเวียดนามและไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.