ซาเกรบ, 3 พ.ค. (ซินหัว) — เมื่อไม่นานนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารชื่อดังของโครเอเชีย แสดงความคิดเห็นกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่าการใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นในยุโรปเมื่อปีที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้ภูมิภาคมั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น
รายงานจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่าการใช้จ่ายด้านการทหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ในปี 2022 แตะระดับสูงตลอดกาลที่ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 76.27 ล้านล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในยุโรป
“พูดตรงๆ การใช้จ่ายด้านการทหารที่มากขึ้นหมายถึงความมั่นคงปลอดภัยน้อยลง” มารินโก โอโกเร็ก อดีตนักการทูตทหารคนแรกของโครเอเชียประจำรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าวซินหัว
โอโกเร็ก ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าสำนักระบบและเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบป้องกันประเทศของโครเอเชีย ชี้ว่าการใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นทั่วยุโรปในปีก่อนเพิ่มความเป็นไปได้ของการยกระดับความรุนแรง การรั่วไหลของอาวุธและกระสุนจากคลัง
ขณะเดียวกันความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนและข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากรัสเซียที่เพิ่มขึ้น ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจใช้จ่ายด้านการทหารของประเทศอื่นๆ
ดิเอโก โลเปส เดอ ซิลวา นักวิจัยอาวุโสของสถาบันฯ ระบุว่าการใช้จ่ายด้านการทหารของยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า เพราะกลุ่มประเทศยุโรปตอนกลางและตะวันตกเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารในปี 2022 เนื่องด้วยวิกฤตยูเครนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
โอโกเร็กเน้นย้ำภายใต้ทฤษฎีข้างต้นว่ากลุ่มประเทศยุโรปจัดสรรการสนับสนุนทางการทหารแก่ยูเครนจนอาวุธยุทโธปกรณ์หมดคลัง และตอนนี้จำเป็นต้องกลับมาเติมเต็มคลังอาวุธที่เว้าแหว่ง
โลกปัจจุบันกำลังเผชิญความปั่นป่วนวุ่นวายและกำลังทหารยังคงเป็นองค์ประกอบหลักของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารจึงเป็นตัวเลือกร่วมของประเทศยุโรปจำนวนมากในปีก่อน ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เพิ่มความมั่นคงปลอดภัย แต่กลับเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ นั้นครองตำแหน่งผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา และยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอาวุธแก่ยุโรปรายใหญ่ที่สุดด้วย โดยรายงานจากสถาบันฯ ระบุว่ากลุ่มประเทศองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ในยุโรปเพิ่มการนำเข้าอาวุธจากสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 65 ในปีที่ผ่านมา
